การเรียนภาษาและสิ่งที่ได้มากกว่าความรู้เชิงวิชาการ
“Learning takes time and patience”
ประโยคนี้ใช้ได้จริงเสมอ ไม่ว่าจะเป็นการเรียนในรูปแบบใดต่างก็ต้องใช้เวลาและความอดทน ไม่มีใครที่เรียนเพียงระยะเวลาอันสั้นแล้วรอบรู้ไปเสียทุกอย่าง การเรียนภาษาก็เช่นกัน คุณต้องให้เวลาตัวเองสักหน่อยเพื่อที่จะเข้าใจมันได้อย่างถ่องแท้ โดยนักเรียนที่เรียนภาษาที่สามท่านหนึ่งกล่าวไว้ว่า เขาใช้เวลาเรียนอยู่ถึงสองปี กว่าที่จะสามารถสื่อสารได้ลื่นไหลและเข้าใจภาษานั้นได้อย่างสมบูรณ์ ทั้งนี้ทั้งนั้น คำว่าสมบูรณ์ในที่นี่ไม่ได้แปลว่าเขารู้ทุกอย่างอย่างถ่องแท้ เพราะอย่างที่เราทราบกันดีว่าการเรียนภาษานั้นคือการศึกษาที่ไม่รู้จบ ดังนั้น ระยะเวลาในการเรียนที่เราจะเข้าใจภาษาใดภาษาหนึ่งได้ทั้งหมดนั้นคงจะใช้เวลามากกว่าสองปีเป็นแน่ ซึ่งนี่เองเป็นเพียงหนึ่งตัวอย่างจากคนหนึ่งคนเท่านั้น ฉันเสนอบทความนี้เพราะอยากสะท้อนแง่มุมหนึ่งที่ถือว่าเป็นข้อดีและผลพลอยได้จากการเรียนภาษาที่นอกจากจะได้ความรู้ทางวิชาการแล้ว คุณยังได้พัฒนามุมมองแง่คิดในการพัฒนาการจัดการตัวเองให้ดีขึ้นอีกด้วย
Look at the big picture
หากเราจะเริ่มทำการสิ่งใด อยากให้คิดไว้ว่าควรมองภาพกว้างของสิ่งนั้นให้ออกเสียก่อน การเริ่มมองจากจุดเริ่มต้นไปยังจุดสิ้นสุดของทางเดินในระยะโดยรวม จะทำให้เราวางแผนและประมาณการณ์ได้ว่าควรจัดการกับสิ่งๆนั้นอย่างไร เทคนิคนี้สามารถใช้ได้กับการเรียนภาษาเช่นกัน เราต้องตั้งจุดประสงค์ให้ตัวเองก่อนว่า การเรียนในครั้งนี้จะพาเราไปยังจุดใด จุดสิ้นสุดของเส้นทางอยู่ตรงไหน หรือจุดหยุดพักอยู่ตรงไหน มันจะทำให้เรามองตัวเองออกและทำให้มีกำลังใจในการเรียนมากขึ้น เพราะแน่นอนว่า เวลาที่ต้องลงมือทำสิ่งใดแล้ว สิ่งนั้นต้องก่อให้เกิดประโยชน์ไม่มากก็น้อย
หากมองภาพรวมของการเรียนภาษา สิ่งหนึ่งที่คุณจะได้จากมันอยู่แล้วคือความรู้ทางวิชาการที่สามารถนำไปใช้พัฒนา ส่งเสริม และต่อยอดในชีวิตได้ แต่หากมองลึกลงไปในภาพกว้างนั้น มีจุดพักรายทางหลายจุดที่จะทำให้คุณได้เรียนรู้ถึงประโยชน์อันเป็นผลพลอยได้ของการศึกษานี้ และสิ่งหนึ่งที่ได้พัฒนาแน่ๆคือ ความพยายาม และความอดทน
แน่นอนว่าการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆนั้นจำเป็นต้องใช้ความพยายามเป็นอย่างมาก คุณต้องเปิดใจยอมรับสิ่งที่คุณเรียน แต่แค่เปิดใจคงไม่พอ หากคุณไม่อดทนต่อความยากที่แฝงอยู่ในบทเรียนเหล่านั้น และถ้าคุณมองออกว่าตนเองจำเป็นต้องมีสองสิ่งนี้ ฉันรับประกันได้ว่าคุณจะมีความอดทนมากขึ้นแน่นอนหลังจากที่คุณเรียนรู้สิ่งเหล่านั้นจบอย่างสมบูรณ์แบบ
Enjoy the journey
ในระหว่างการเรียนรู้ รวมไปถึงการเรียนภาษานั้น ฉันอยากบอกว่าการมีความอดทนไม่ใช่การที่คุณกดดันตัวเอง แต่อยากให้คุณชื่นชมในสิ่งที่กำลังทำ ค่อยๆเสพสุนทรีย์ที่ได้รับจากการเรียนการสอน จากสื่อชนิดต่างๆ อยากให้มองภาพของความอดทนเรียนรู้ไปในทางบวกมากกว่าทางลบ เพราะอย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่า คุณต้องเปิดใจเสียก่อน เพื่อที่จะไม่รู้สึกฝืนตัวเองมากจนเกินไป การเปิดใจยอมรับความยากง่ายของการเรียนรู้ จะทำให้คุณสนุกกับอุปสรรคและปัญหาที่เจอ เพราะคุณจะมองปัญหาเหล่านั้นเหมือนจุดหยุดพัก เป็นจุดที่สามารถเก็บประสบการณ์ เพื่อที่จะนำไปใช้ในการเดินทางต่อจุดหมายถัดไป
Practice makes patience, Patience makes perfect
เทคนิคในการเรียนภาษานั้นมีหลากหลายวิธี อย่างไรก็ตามไม่ว่าจะด้วยวิธีใด คุณจะประสบความสำเร็จได้นั้นต้องขึ้นอยู่กับความตั้งใจและความอดทนในการเรียนรู้ ผสมผสานกับการฝึกฝนและการนำไปใช้ได้จริงในชีวิตประจำวัน โดยค่อยๆฝึกและเรียนรู้อย่างต่อเนื่องเพื่อสร้างความคุ้นเคย ดังเช่นประโยคที่บอกไว้ว่า การฝึกฝนสร้างความอดทน และความอดทนนั้นสร้างความสำเร็จ แนวคิดนี้ไม่เพียงแต่ใช้กับการเรียนภาษาเท่านั้น แต่คุณสามารถนำไปใช้ได้กับทุกๆขั้นตอนการเรียนรู้ในชีวิตคุณ การเรียนภาษาเป็นจุดเริ่มต้นของการฝึกความอดทนในรูปแบบหนึ่ง และความอดทนนี้เองที่จะทำให้คุณสามารถมองภาพกว้างในเรื่องอื่นๆได้อย่างเป็นบวกมากขึ้น
ผู้เขียน
พรชนก วัฒนาณุฐการ (ปู)
ผู้ช่วยฝ่ายการตลาด