การสนทนาด้วยสำนวนเด็กๆที่จะช่วยให้บรรยากาศในที่ทำงานดีขึ้น
มนุษย์วัยทำงานคงคุ้นชินกันดีและเป็นอันรู้กันว่าในสถานที่ทำงานหรือในที่ประชุมควรจะใช้คำพูดแบบไหนในบทสนทนา หลายๆคนคิดเสมอว่าในสถานที่ทำงานโดยเฉพาะในห้องประชุมทุกอย่างต้องเป็นทางการ แถมยังต้องระวังคำพูดให้มากๆ ไม่เช่นนั้นเจ้านายอาจไม่สบอารมณ์ได้ แต่แท้จริงแล้วมีสักกี่คนที่จะมองในอีกมุมหนึ่ง แค่เราใช้คำพูดง่ายๆอย่างสำนวนเด็กๆเหมือนพูดให้เด็กเข้าใจในสถานการณ์ของที่ทำงานนั้นทำให้บรรยากาศกลับดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาทันตา แถมยังช่วยลดความตึงเครียดระหว่างการประชุมและมีแนวโน้วสร้างเสียงหัวเราะเล็กๆได้อีก
ความจริงแล้วไม่ว่าจะเป็นการทำงานในบริษัทต่างชาติหรือบริษัทคนไทยเอง ความเป็นทางการคือสิ่งที่ทุกคนพึงจำเป็นต้องมีและควรตระหนักไว้ แต่เราไม่จำเป็นต้องทำให้ทุกอย่างนั้นอยู่ในกรอบของความเป็นทางการตลอดเวลา เพราะหากเป็นเช่นนั้นในสถานการณ์จริงบรรยากาศคงตึงเครียดน่าดู บทความนี้อยากนำเสนอประโยคภาษาอังกฤษน่ารักๆซึ่งเป็นคำพูดเด็กที่เหล่าตัวน้อยใช้พูดกันแล้วฟังดูน่ารักไร้เดียงสา และผู้ใหญ่อย่างเราเองก็สามารถนำมาใช้ในชีวิตประจำวันรวมถึงสถานที่ทำงานเพื่อสร้างบรรยากาศให้ผ่อนคลายและสร้างสีสันได้เช่นกัน
cross your/my heart (สัญญาใจ)
ความหมายของประโยคนี้ได้ถูกนิยามว่า “used as a way of making a promise, especially between children” คือการให้คำสัญญากันระหว่างเด็กๆ ผู้ใหญ่อย่างเราเองฟังแล้วยังรู้สึกน่ารัก และประโยคนี้เองหลายคนอาจคุ้นหูมาบ้างเพราะได้ถูกนำไปใช้ในการ์ตูนอนิเมชั่นฝรั่งอยู่บ่อยๆ โดยแปลเป็นไทยว่า “สัญญาใจ” ประโยคนี้คุณสามารถนำเอาไปใช้ในที่ประชุมได้อย่างแน่นอนและฉันมั่นใจว่าเจ้านายหรือเพื่อนร่วมงานของคุณคงจะยิ้มได้หากได้ยิน คุณสามารถใช้พูดเกี่ยวกับงานที่ได้รับมอบมาย ว่า “ฉันจะทำงานนี้ให้เสร็จตรงเวลา ให้สัญญาใจกับคุณเลย” หรือในประโยคภาษาอังกฤษที่กล่าวว่า “I will finish this work on time, I cross my heart”
Easy-peasy (ง่ายๆจิ๊บๆ, ง่ายเหมือนปลอกกล้วย)
คำนี้ความหมายตามคำแปลเลย แปลได้ว่า ง่ายมากๆ ซึ่งคำนี้คุณสามารถพูดได้อย่างไม่ต้องกังวลว่าจะใช้ผิดความหมาย หากแต่ต้องดูสถานการณ์ที่ใช้อยู่สักนิด คุณสามารถใช้พูดเล่นกับเพื่อนในทีมได้ในการแบ่งงานกันอย่างเป็นกันเองเพื่อเพิ่มความสนิทสนม แต่หากจะใช้ในที่ประชุมควรจะดูสถานการณ์และบรรยากาศของคนส่วนมากอยู่สักหน่อย เพราะไม่เช่นนั้นจากความเป็นกันเองอาจเปลี่ยนเป็นภาพลักษณ์ที่คนอื่นมองว่าคุณกำลังคุยโวอยู่ก็เป็นได้
Teenee weeny (จิ๋วๆ)
คำๆนี้เอาไว้ใช้อธิบายอะไรที่เล็กมากๆ ในแง่นัยยะของการทำงานจึงเหมาะที่จะเป็นคำให้กำลังใจลูกทีมในยามที่ได้รับโปรเจ็คใหญ่ๆมา ดังนั้นหัวหน้าทีมต้องมีการสร้างกำลังใจให้กับคนในทีมสักหน่อย โดยการเติมพลังกันอาจพูดในเชิงที่บอกว่า “งานนี้จิ๋วๆมาก ไม่เป็นอุปสรรค ทีมเราเก่งอยู่แล้วทำได้แน่นอน” หรือพูดเป็นภาษาอังกฤษได้ว่า “This project is teenee weeny, our team are such talent so I believe that we can do it!”
I’m all ears! (ฉันกำลังตั้งใจฟังคุณอยู่)
ประโยคนี้เหมาะมากๆที่จะเอาไว้พูดให้กำลังใจผู้พูดในที่ประชุม อันที่จริงประโยคนี้ก็ไม่ถือว่าเป็นประโยคเด็กเสียทีเดียว เนื่องจากคนใช้การอย่างแพร่หลายแล้วในปัจจุบัน ถือว่าเป็นคำพูดที่กระชับและได้ใจความ แถมยังทำให้ผู้พูดรู้สึกมีกำลังใจว่ามีคนกำลังฟังเขาอยู่อีกด้วย
Never say die (อย่ายอมแพ้)
คำนี้เป็นคำที่ความหมายตรงตัวมากๆ มาจากคำพูดของเด็กที่มักพูดอะไรตรงตัวเนื่องจากยังไม่สามารถเรียบเรียงประโยคหรือยังไม่รู้คำศัพท์มากนัก เวลาเด็กๆเล่นกัน ถ้ามีการแพ้หรือชนะ จะชอบพูดข่มฝั่งตรงข้ามว่า “Say die” ซึ่งแปลได้ตรงตัวเลยว่า ยอมแพ้ซะ/ยอมตายซะ ดังนั้น Never say die จึงหมายความว่า อย่ายอมแพ้ คำๆนี้เหมาะที่จะใช้เป็นการให้กำลังใจในทุกรูปแบบไม่ว่าจะสถานการณ์หรือสถานะไหน เป็นคำที่ฟังดูน่ารักและแสดงความจริงใจของผู้พูดได้ดีมากๆคำหนึ่ง
สำนวนเด็กๆที่ยกตัวอย่างมาข้างต้นนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งที่เลือกมาให้ได้ทราบและทำความเข้าใจให้เห็นภาพเท่านั้น ฉันอยากให้ผู้อ่านทุกคนมีมุมมองต่อความต่างของระดับภาษา แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ยังสามารถนำมาปรับใช้ได้ในหลายสถานการณ์ ไม่ว่าเราจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ ใช้คำพูดแบบเด็กหรือไม่เด็กยังไง การสื่อสารให้ตรงความหมายและถูกกาลเทศะเห็นจะเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด ในหลายๆครั้ง คำพูดเด็กๆเหล่านี้เองที่ทำให้บรรยากาศผ่อนคลายขึ้น และในบางครั้งก็ทำให้สถานการณ์แย่ลงได้ด้วยเช่นเดียวกัน ดังนั้น ผู้สนทนาควรเลือกใช้คำพูดให้ถูกบริบทอยู่เสมอ ประโยคที่กล่าวว่า “คิดก่อนพูด” ยังคงเป็นสิ่งสำคัญที่สุดที่ทุกคนควรพึงมี
ผู้เขียน
พรชนก วัฒนาณุฐการ (ปู)
ผู้ช่วยฝ่ายการตลาด